ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 แห่งราชวงศ์จักรี ทรงเก็บออมเงินส่วนพระองค์ไว้เป็นจำนวนมาก โดยเก็บใส่ถุงผ้าสีแดงจึงเป็นที่มาของเงินถุงแดง เพื่อสำรองไว้สำหรับใช้เวลาบ้านเมืองเกิดยุคเข็ญ เงินส่วนนี้เป็นพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ที่รัชกาลที่ 3 ทรงเก็บไว้ตั้งแต่สมัยยังเป็นพระเจ้าลูกยาเธอกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์
ทรงแต่งสำเภาไปค้าขายกับต่างประเทศต่อเนื่องหลายปีทำให้มีกำไรมาก ครั้นเมื่อเสวยราชย์แล้วยังโปรดให้ขุนนางแต่งสำเภาค้าขายเรื่อยมา โดยรับสั่งว่า “เงินถุงแดง” ให้เก็บไว้ไถ่บ้านเมือง ที่รับสั่งเช่นนี้ดูราวกับทรงพยากรณ์ได้ว่าจะเกิด “วิกฤตการณ์ ร.ศ. 112”
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 กรณีพิพาทกับฝรั่งเศส ทางฝรั่งเศสเรียกร้องดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง พร้อมให้ไทยชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 2 ล้านฟรังก์และยังต้องวางเงินประกันอีก 3 ล้านฟรังก์ แม้จะรวมเงินแผ่นดินและเงินที่พระบรมวงศานุวงศ์ร่วมกันบริจาคก็ยังไม่พอ
ต้องนำเงินถุงแดงของรัชกาลที่ 3 มาสมทบเป็นการไถ่บ้านเมืองด้วย
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระอัจฉริยภาพทางด้านการค้ามาตั้งแต่ทรงพระยศ เป็นพระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ในรัชสมัยรัชกาลที่ 2 ทรงกำกับกรมท่า ซึ่งมีหน้าที่ในด้านการค้า และการต่างประเทศ
นอกจากจะทรงกำกับดูแลสำเภาหลวงแล้ว ยังทรงมีสำเภาค้าส่วนพระองค์ เช่นเดียวกับพระบรมวงศานุวงศ์และขุนนางชั้นผู้ใหญ่หลายท่านที่ส่งสำเภาไปค้าขายกับต่างประเทศ เงินที่ได้กำไรมาจากสำเภาค้าส่วนพระองค์นี้ ทรงใส่ถุงผ้าสีแดงเก็บไว้ข้างพระแท่นบรรทม
จึงเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าพระคลังข้างที่ จนมีจำนวนมากถึงกับต้องสร้างเป็นห้องเก็บไว้
วิธีการหารายได้ของพระองค์ท่าน คือ จัดแต่งเรือสำเภานำสินค้าไปค้าขายกับต่างประเทศ อย่างเช่นจีน อินเดียและประเทศแถบเปอร์เซีย มีการค้าขายทั้งสำเภาหลวงและสำเภาของส่วนพระองค์ โดยทรงนำสินค้าของส่วนพระองค์ใส่เรือสำเภาของส่วนพระองค์ค้าขายกับต่างประเทศ
ซึ่งเงินที่ได้มาในส่วนของสำเภาหลวงให้เข้าคลังหลวง ในส่วนสำเภาของส่วนพระองค์ ได้ทรงแบ่งส่วนหนึ่งถวายรัชกาลที่ 2 เพื่อนำเข้าพระคลังหลวง อีกส่วนหนึ่งทรงเก็บไว้เป็นเงินส่วนพระองค์ที่ทรงใส่ไว้ในถุงแดงข้างที่พระบรรทม เมื่อเงินเต็มถุงก็จะทรงนำเข้า พระคลังหลวงไว้เป็นสมบัติแผ่นดินทั้งหมด
และทรงออมใหม่เพื่อพระราชทานเก็บเข้าพระคลังหลวงเป็นสมบัติแผ่นดินอีก ทั้ง ๆ ที่เป็นพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ และการที่ทรงใช้ถุงสีแดงใส่เงินนั้นอาจจะมาจากคติความเชื่อของชาวจีนที่ติดต่อค้าขายกับไทยมากในขณะนั้น ซึ่งจะนิยมนำเงินใส่ซองสีแดงมอบให้ลูกหลานในเทศกาล หรืองานมงคลเพื่อความมั่งคั่งร่ำรวยและมีโชคดี
วิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 นั้น ถือเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความเศร้าโศกเสียพระราชหฤทัยให้กับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เป็นอย่างมาก
เป็นเหตุให้ประชวรหนักจากการที่ฝรั่งเศสเข้ามารุกรานแผ่นดิน จนท้อพระทัยอย่างหนัก ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้น ประเทศไทยได้ผ่านพ้นวิกฤตมาได้ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ได้พระราชทานเงินถุงแดงที่ทรงเก็บสะสมไว้เมื่อครั้ง
ทำการค้าสำเภากับชาวต่างประเทศและพระราชทานให้แก่แผ่นดิน สำหรับใช้ในยามที่บ้านเมืองเกิดภาวะคับขัน นำมาไถ่บ้านไถ่เมืองและรักษาเอกราชของชาติไว้ให้รอดพ้นจากการตกเป็นอาณานิคมของชาติฝรั่งเศสไว้ได้